TKC มจธ.ร่วมวิจัย พัฒนา ต่อยอด เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ

นายปิยะ จิราภาพงศา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC และ รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ลงนามความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเกษตรอัจฉริยะร่วมกัน โดยนายกิตติศักดิ์ อมรชัยโรจน์กุล ประธานกรรมการบริษัท เทิร์นคีย์ฯ นายวเรศ บวรสิน ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัท เทิร์นคีย์ฯ และ นายภาณุภัทร์ ภู่เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และผู้จัดการส่วนงานวิจัยและพัฒนา บริษัท เทิร์นคีย์ ร่วมด้วย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

นายปิยะ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือร่วมกันด้านการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมที่สนับสนุนอุตสาหกรรมทางด้านการเกษตร ครั้งนี้มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้นวัตกรรม เช่น อินเทอร์เน็ตประสานสรรพสิ่ง (Internet of things; IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence ; AI) และ หุ่นยนต์ (Robot) ในทางด้านการเกษตร โดยบุคลากรทั้งของบริษัทฯ และนักวิจัยและบคุลากรของมหาวิทยาลัย จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนองค์วามรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับการวิจัยพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีร่วมกัน และส่งต่อองค์ความรู้ให้กับชุมชน ทั้งนี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือจากโครงการรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบ เทคโนโลยี 5G คันแรกของประเทศไทย ที่ TKC และบริษัทผู้มีความเชี่ยวชาญ ได้ร่วมทำกับ มจธ.

รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ ฯ กล่าวว่า ความร่วมมือนี้ เริ่มต้นที่ระยะเวลา 2 ปี และในปัจจุบันได้เริ่มต้นโครงการร่วมกันที่จะสร้างระบบสำหรับส่งเสริมการเพาะปลูกและการผลิตในอุตสาหกรรมมะพร้าว ส้มโอ และมะเขือเทศเชอร์รี่ ในโครงการความร่วมมือเกษตรอัจฉริยะ TKC – มจธ. สำหรับการปลูกมะเขือเทศเชอรี่ในโรงเรือนอัจฉริยะ และโครงการความร่วมมือสร้างเรือรดน้ำพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ ซึ่งความร่วมมือนี้ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะการพัฒนากระบวนการผลิตด้านต่าง ๆ ของบริษัทฯ ให้มีประสิทธิผลมากขึ้น โดยความร่วมมือระหว่างบุคลากรของ “มจธ.” กับ “บริษัท” พร้อมทั้งยังได้เป็นโอกาสในการรับรู้และเข้าใจความต้องการของเกษตรในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ใกล้เคียงของ มจธ.วิทยาเขตราชบุรี

“ความร่วมมือระหว่าง มจธ. และบริษัทเทิร์นคีย์ฯ จะไม่เพียงส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ให้กับบุคลากรทั้งสองฝ่าย และเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน” นายปิยะ กล่าว.

ที่มา : https://www.mcot.net/view/FDvdyXNg